ดวงอาทิตย์กำลังขึ้นจากขอบฟ้าค่ะ |
เราเดินกันไปเรื่อยๆ ทั้งขึ้นเขา ลงเขา และทางราบ พร้อมใจที่ลุ้นว่าข้างบนจะสวยมากแค่ไหนนะ เดินได้สักครึ่งทางก็เริ่มปวดขากันแล้ว อีกทั้งหอบ หายใจแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว จนต้องหยุดพักเป็นระยะ (คิดในใจขนาดเราเป็นนศ.ฝึกงานยืนเดินทั้งวันก็ทำมาแล้ว ชักไม่แน่ใจหรือเป็นเพราะความอ้วนนะฮ่าๆๆ) จนในที่สุดเราก็ขึ้นมาถึงผาหมวกอีกครั้ง ดีใจสุดๆ ภาพที่ได้เห็นตรงหน้าทำพวกเราหายเหนื่อยเลย แม้ว่าวันนี้หมอกไม่มากเท่าปีที่แล้ว แต่ว่าสวยๆไม่แพ้กัน ละอองหมอกคลุ้งเคลื่อนไปตามลมเป็นคลื่นๆดูสวยงามมาก ได้เวลาสูดรับอากาศเข้าปอดเข้า-ออกอย่างช้าๆ สักพักก็หายหอบ เตรียมไปถ่ายรูปกัน
หลังจากเรานั่งพักหายเหนื่อย และถ่ายรูปกันประมาณชั่วโมงครึ่งหมอกก็เริ่มจางแล้ว ประกอบกับแสงแดดอ่อนๆที่เริ่มสาดส่องมายังท้องฟ้าด้านหลังทำให้ แบ็คกราวน์ภูเขา ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าคราม ได้ภาพที่สวยงามที่สุดไปเลย
ผาหมวก ท่านสามารถเชคอินได้ สัญญาณไทรศัพท์มือถือ AIS 3G แรงใช้ได้เลย แต่เอ่ Facebook คนไลค์น้อยมากเลยสงสัยจะยังไม่ตื่นกันใช่มั๊ยคะ มีความสุขๆสุดๆค่ะได้ถ่ายรูปแบบเยอะมาก มีมือกล้องดีมาด้วยทำให้ได้ภาพถูกใจหลายรูปเลย ผู้เขียนขออนุญาตลงแบบ Extreme ไปเลยนะคะ ชอบทุกภาพค่ะ
ส่วนนักท่องเที่ยวที่ไม่เคยมาก็ระมัดวังด้วยนะคะ บริเวณนี้จะมีราวไม้กั้นเพื่อไม่ให้พลัดตกลงหน้าผา ทางที่ดีไม่ควรออกไปถ่ายข้างนอกราวกั้นนะคะ ยิ่งโดยเฉพาะเด็กเล็ก แต่ผู้เขียนเป็นคนในพื้นที่ค่ะ ถึงอย่างนั้นก็เสียวๆระมัดระวังพอสมควรค่ะ แต่อยากได้ภาพที่สวยน้องๆมือกล้องจัดให้ได้ภาพถูกใจหลายภาพเลย ลองไปชมกันค่ะ อย่าพึ่งเบื่อนะคะ :)
และนี่คือหน้าตาเหล่าผู้ร่วมเดินทางกับเราในครั้งนี้ค่ะ มาเซลฟี่กันหน่อยเร็ว ทุกคนนี่ไม่บ้ากล้องกันเลยนะ ไอเดียถ่ายภาพเก๋สุดๆ ได้รูปแปลกๆทั้งนั้น
หลังจากถ่ายรูปกันเสร็จคนก็เริ่มขึ้นมากันเยอะค่ะ ไม่ว่าจะมาแบบคู่สามีภรรยา หรือแบบกลุ่มเพื่อน เราอยู่ผานี้กันนานพอสมควร จึงชวนกันขึ้นไปอีกผาหนึ่งค่ะ อยู่ไกลกว่าและสูงกว่า ผู้เขียนไม่เคยไปค่ะเลยอยากลองไปสักครั้ง แต่เด็กๆสองคนของเราไปมาเรียบร้อยแล้ว ว่าแล้วก็ไม่เสียเวลารอช้า เราไปกันต่อเลยค่ะ ระหว่างทางเดินเราเจอก้อนหินขนาดใหญ่ๆเยอะมาก ธรรมชาติดีค่ะ เดินผ่านที่รบของทหาร มีที่หลบภัย สมัยสงครามโลกด้วย ที่ดินแห่งนี้มีประวัติศาสตร์สำคัญเชียวค่ะ น่าภูมิใจ
เดินต่อไปอีกเราก็เจอจุดชมวิวเล็กๆที่สามารถมองทิวทัศน์ได้ไกลสุดตา ข้างล่างน่าจะเป็นบ้านบุ่งค่ะ และพบกล้วยไม้แปลกตา สวยๆทั้งนั้นเลย ที่สำคัญเจอหมากก๋อค่ะ หากใครไม่เคยเห็นดูไว้เลยนะคะ กินอร่อยเชียว ลักษณะเป็นพวงผลคล้ายเงาะ เปลือกสีเขียวอ่อน ข้างในเป็นเมล็ดกินได้แต่แต่ต้องทำให้สุกก่อนค่ะ
เราเดินกันมาอีกสักพักก็ถึงทางขึ้นผาหนองแล้วค่ะ ทำเอาหอบ เหนื่อย ปวดขา ปวดก้นไปตามๆกัน บันไดทางขึ้นผาหนองสูงชันมากเลย เดินทางกันก็ระมัดระวังด้วยนะคะ กว่าจะถึงยอดผาหนองไกลพอสมควร
ข้างบนเป็นแบบนี้เป็นจุดชมวิวที่สูงกว่าผาหนอง วิวเลยไกลสุดหูสุดตากว่า และมองไม่ค่อยออกว่าเป็นบ้านเรือน หรือรถ ภาพแรกทิศใต้สามารถมองเห็นภูเขาที่สูงไกล น่าจะเป็นหมู่บ้านนาแห้ว และบ้านบุ่งค่ะ อย่าพึ่งชมมากค่ะ ต้องเดินขึ้นบันไดไต่ผาไปอีกคราวนี้บันได้สูงชันแบบตั้งฉากเลย ต้องค่อยๆระวังเดินค่ะ ระวังอย่าอยอกล้อกันด้วยนะคะ อาจพลัดตกทำเอาบาดเจ็บแขน ขาหักได้ค่ะ
ถึงแล้วค่ะจุดที่สูงที่สุดของเราในวันนี้ที่นี่คือผาหนอง เป็นลานหินสูงลาดเอียง บนหินมีหลุมกว้ามีน้ำอยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าลึกแค่ไหนแต่ทางที่ดีระวังอย่าตกลงไปดีกว่านะคะ เหตุที่มีหนองน้ำอาจจะเป็นที่มาของชื่อผาหนองค่ะ ผาหนองเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองได้ไกลมาก หลายเท่ากว่าผาหมวก สามารถชมทิวทัศน์ได้ทางทิศเหนือและตะวันออก ทัศนียภาพไม่ใช่บ้านเรือน วัด โรงเรียน สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น แต่เป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นนั่นคือต้มไม้ ป่า ภูเขาที่อุดมสมบูรณ์เขียวสดงดงาม ไม่มีการทำลาย ตัด เผาใดๆ โดยทิศเหนือน่าจะเป็นภูเขาของสปป.ลาวค่ะ ป่าไม้อุดมสมบูรณ์เชียว ส่วนทิศตะวันออกเป้็นของไทยเรา สามารถมองได้ไกลสุดตา ความสลับซับซ้อนของเทือกเขา และความคดเคี้ยวของถนน ยังดีเพราะยังไม่มีการทำลาย จึงสามารถมองเห็นความอุดมสมบูรณ์ของป่าบ้านเราได้อีกที่หนึ่ง แต่ต้องระวังกันหน่อยนะคะเพราะบริเวณนี้ยังไม่มีการทำราวไม้กั้นให้ค่ะ ผาหนองเป็นลานหินลาดเอียง หากทรงตัวไม่ดีอาจพลัดล้มไปข้างล่างได้นะคะ ต้องบอกเลยว่าไม่มีใครช่วยได้เพราะทางลาดชันมาก
ทางด้านทิศเหนือ สมารถมองได้ไกลสุดลูกหูลูกตาเลย |
หนองน้ำ ที่มาของชื่อผาหนอง |
ทางด้านฝั่งตะวันออกก็มองได้ไกลสุดหูสุดตาเลย |
แดดเริ่มแรงแล้ว รีบถ่ายภาพแล้วหลบเข้าร่มด่วน ฮ่าๆ พวกเรามาช้าไปหน่อย ถ้าหากได้มาช่วงเช้าๆกว่านี้ก็น่าจะได้เห็นหมอก แดดไม่แรงมาก ก็จะอีกเป็นที่ๆได้เก็บภาพและบรรยากาศสวยๆไปฝากค่ะ เวลาประมาณ 9 โมงกว่าทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าหิวข้าวแล้ว ถึงเวลาเดินทางกลับกัน ระหว่างเดินทางกลับก็มีที่นั่งให้ได้พักเป็นจุดๆด้วย การเดินทางไปและกลับเราสามารถเห็นพืชพันธุ์ไม้แปลกๆแบบไม่เคยเห็นมาก่อนที่ล่างเขา ทั้งกล้วยไม้ป่า ดอกไม้แปลกๆ ทำให้การเดินทางครั้งนี้สุดแสนประทับใจ มีความสุขสุดๆค่ะ รับรองครั้งหน้าเราจะมาอีกแน่นอน
เดินทางมาถึงทางเข้าขอแวะถ่ายภาพสักหน่อยนะคะ มือกล้องจัดให้ตามคำขอได้ภาพถูกใจเลยที่เดียว มาถึงตอนนี้ขอบอกเลยว่าร่างกายเราเพลียมากค่ะ อาจเป็นเพราะหิวข้าวด้วย แต่การเดินขึ้นเขานั้นยิ่งกว่าทำเอาร่างกายเด็กที่ไม่ชอบออกกำลังกาย ปวดเมื่อยตัว ขา ก้น เท้าไปตามๆกัน ฮ่าๆ
สุดท้าย สถานที่เที่ยวแห่งนี้ยังไม่ค่อยมีใครรู้จัก ธรรมชาติที่นี่นับว่ามีความอุดมสมบูรณ์ ก็ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวที่มาเยือนโปรดมีจิตสำนึกที่ดีต่อป่า ช่วยกันรักษา ไม่ทำลายนะคะ เพื่อสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติอันสวยงาม และความอุดมสมบูรณ์ ความยั่งยืนของป่าให้คนรุ่นต่อไปได้ชมกันค่ะ
****สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางมาอำเภอนาแห้วต้องบอกก่อนเลยนะคะว่าไม่มีรถโดยสาร อำเภอเราเป็นอำเภอที่ห่างไกลจากอำเภอเมืองถึง 120 กม. และห่างจากอำเภอด่านซ้าย 35 กม.
สามารถมาได้หลายเส้นทาง
1) อ.เมืองจ.เลย - อ.ภูเรือ - อ.ด่านซ้าย - อ.นาแห้ว
2) จ.พิษณุโลก - อ.นครไทย - อ.ด่านซ้าย - อ.นาแห้ว
3) จ.เพชรบูรณ์ - อ.หล่มเก่า - อ.ด่านซ้าย - อ.นาแห้ว
4) จ.พิษณุโลก - อ.ชาติตระการ - อ.นาแห้ว
สามารถติดตามภาพได้ทาง >>> IG: Leafyproy and Nookz_ooh หรือแสดงความคิดเห็นได้ใต้โพสต์ด้านล่างค่ะ หรือ Facebook Fanpage นาแห้ว
หากมาจากด่านซ้าย-นาแห้ว ตามถนนหมายเลข 2113 ผ่านที่ว่าการอำเภอนาแห้ว, บ้านนาแห้ว, บ้านบุ่ง, บ้านนาโพธิ์ จะมีทางแยกให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนหมายเลข 2195 ก่อนถึงบ้านเหมืองแพร่ กม.0
แนะนำ ที่พักใกล้ๆ ****บ้านสวนสุทธินันท์โฮมสเตย์
ติดต่อสอบถาม ได้ที่ 🏠: ลุงชน หมายเลขโทรศัพท์ 080-081-9844 , 091-862-6674, หรือ Facebook Page: บ้านสวนสุทธินันท์ (คลิ๊กนี่), หรือWeb page: SutdhinanHomestay (Click)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น